ผู้หญิงไทยโบราณเขาไว้ทรงผมอะไรกัน? แล้วทรงผมเหล่านั้นสื่อถึงอะไรได้บ้าง?

   


 ย้อนดู 8 ทรงผมหญิงไทยโบราณที่งามเกินกาลเวลา


      คุณเคยสงสัยไหมว่า ผู้หญิงไทยโบราณเขาไว้ผมทรงอะไรกัน? แล้วทรงผมเหล่านั้นสื่อถึงอะไรได้บ้าง?

      บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับทรงผมโบราณของหญิงไทย ที่ทั้งสวยงาม น่าทึ่ง และเต็มไปด้วยความหมาย ไม่ใช่แค่การจัดแต่งภายนอก แต่ยังเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของผู้หญิงไทยในแต่ละยุคผ่านเส้นผม



ยุคกรุงสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ 18–19)

1. ทรงเกล้ามวยต่ำ

เป็นทรงผมที่นิยมในหมู่สตรีชั้นสูงและสามัญชน โดยเฉพาะในราชสำนัก ผมจะถูกรวบต่ำไว้ที่ท้ายทอยหรือบริเวณต้นคอ แล้วเกล้าเป็นมวยกลม อาจพันด้วยผ้าไหมหรือด้ายทองเพื่อเพิ่มความหรูหรา

สตรีอาจปักปิ่นหรือประดับดอกไม้หอม เช่น ดอกพิกุลหรือดอกจำปี เพื่อความงามและกลิ่นหอม

ลักษณะทรงนี้แสดงออกถึงความเรียบร้อย อ่อนช้อย และความสุภาพตามแบบแผนของหญิงไทยโบราณ

                               




2. ทรงผมปีกนาง

ปล่อยผมยาวตรง แสกกลาง แล้วเซตปลายผมให้แผ่โค้งออกด้านข้างเหมือน “ปีกนางฟ้า” หรือ “ปีกนก”

เป็นทรงที่แสดงถึงความงามตามธรรมชาติของผู้หญิงไทยในยุคต้น ๆ ไม่เน้นการประดับตกแต่งมาก

มักพบในภาพจิตรกรรมฝาผนังหรือประติมากรรมพระพุทธรูปในวัดสมัยสุโขทัย


                                         

 


ยุคกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 1893–2310)

3.ทรงผมปั้นเหน่งหรือโซงโขดง

เป็นการเกล้าผมขึ้นสูงกลางศีรษะเป็นรูปก้อนกลม ๆ คล้ายกับ “ลูกจัน” หรือ “ลูกมะปราง”

นิยมในหมู่หญิงชั้นสูง เช่น เจ้านาย หรือนางในวัง ผมจะถูกจัดแต่งอย่างเรียบร้อยพร้อมตกแต่งด้วยเครื่องประดับเงิน ทอง หรือดอกไม้สด

ทรงนี้มักพบในภาพวาดโบราณของราชสำนัก และในบทละครสมัยอยุธยา


                


4. ผมแสกกลางมวยจุก

ผมจะแสกกลางอย่างเรียบร้อย แล้วรวบเป็นมวยจุกที่ด้านหลังศีรษะ หรือบางครั้งไว้จุกกลางกระหม่อม

หญิงสาวทั่วไปนิยมทรงนี้ เพราะทำได้ง่าย ใช้ชีวิตประจำวันสะดวก

หากเป็นงานพิธีหรืองานแต่ง มวยอาจถูกตกแต่งด้วยหวีทอง ปิ่นเงิน หรือผ้าพันมวยสีสด


                   


ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2325–2435)


5. ทรงทัดดอกไม้

เป็นทรงที่ดูเป็นธรรมชาติมาก โดยหญิงสาวจะปล่อยผมยาวตรง แสกกลาง แล้วทัดดอกไม้ เช่น ดอกชบา หรือดอกราตรี ที่หูข้างหนึ่ง

สื่อถึงความอ่อนหวานและเสน่ห์ของหญิงไทย และดอกไม้ยังบอกสถานะทางอารมณ์ เช่น ทัดข้างขวาแสดงว่า “โสด”, ข้างซ้ายคือ “ไม่ว่าง”

นิยมในงานรื่นเริง งานวัด หรือเวลาพบปะสังคม


                              

6. เกล้าผมทรงโบว์

ผมจะถูกรวบไว้ด้านหลังศีรษะ แล้วจัดให้เป็นรูป “โบว์” โดยใช้ผมจริงหรือเสริมด้วยผมปลอม

เป็นที่นิยมในหมู่ลูกหลานขุนนางที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก เริ่มเห็นบ่อยในปลายรัชกาลที่ 4 ถึงต้นรัชกาลที่ 5


                            


ยุครัตนโกสินทร์ตอนปลาย – ยุคใหม่ (หลัง ร.5)


7. ทรงซอยสั้นแบบคุณหญิงหรือทรงผมคลื่น

ผมจะถูกซอยสั้นเหนือบ่าเล็กน้อย อาจดัดลอนเบา ๆ หรือตัดตรงเรียบ

เป็นที่นิยมในหญิงไทยยุคเปลี่ยนผ่าน ที่ต้องการความสะดวก คล่องตัว และเข้ากับชุดสากล

ใช้ได้ทั้งในงานทางการและงานประจำวัน


                                


8. ทรงปล่อยยาวปักปิ่น

เป็นทรงที่ผสมผสานระหว่างความเป็นไทยกับความงามในแบบจีนหรือญี่ปุ่น

ผมจะถูกปล่อยยาวตามธรรมชาติ แล้วตกแต่งด้วยปิ่นทอง ปิ่นเงิน ปิ่นหยก หรือลวดลายดอกไม้

นิยมในหญิงชั้นสูงที่แต่งกายเต็มยศ หรือในงานรื่นเริงสำคัญ


                           


                                                 วิวัฒนาการทรงผมคนไทย


       แล้วคุณล่ะ? ชอบทรงผมไทยโบราณแบบไหนมากที่สุด


      หากมีทรงผมโบราณที่คุณเคยเห็น เคยทำ หรืออยากรู้เพิ่มเติม มาแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ 😊


      อย่าลืมติดตามบล็อกตอนต่อไป เพราะยังมีทรงผมอีกหลายแบบที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!




แหล่งอ้างอิง


https://youtu.be/iZB85NSgUEw?si=48AfPaXz1DT3ORua


https://women.kapook.com/view189240.html










ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คณะในฝัน